2. สีและเนื้อผ้า
เมื่อคุณทำการวัดเสร็จแล้วคุณสามารถไปช้อปปิ้ง และดูว่าธีมสีแบบไหนที่เหมาะกับห้องของคุณ โปรดทราบว่าผ้าม่านที่แตกต่างกัน วิธีการทำความสะอาดของพวกเขาก็แตกต่างกัน
ถ้าไม่อยากให้ม่านดูกินพื้นที่ เลือกสีม่านให้แมตช์กับผนัง เพื่อให้ไม่เกิด Contrast
แนะนำให้ใช้สีที่เป็นกลาง เช่น สีเทา เพราะผสมผสานเข้ากับการตกแต่งของห้องได้ทุกรูปแบบ
ประเภทของเนื้อผ้าเป็นส่วนสำคัญในการเลือกผ้าม่าน เนื่องจากเนื้อผ้าจะเป็นตัวกำหนดว่าผ้าม่านของคุณทำงานได้ดีแค่ไหนและคงทนได้นานเท่าไหร่ โดยจะใช้ผ้าประเภทไหน ขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละห้อง เช่น
ห้องนอนหรือห้องที่หันหน้าเข้าทางทิศตะวันตก (แดดจะแรงช่วงบ่าย) “ผ้าม่าน Blackout” เป็นม่านที่เหมาะสมที่สุด เพราะสามารถกันรังสึ UV และรังสี IR ทำให้สะท้อนความร้อนและช่วยลดอุณหภูมิห้อง ช่วยกันแสงแดดไม่ให้เข้ามาได้ 100%
ห้องนั่งเล่น ถ้าต้องการกันแสงได้ แต่ไม่ทึบแสง แนะนำเป็น “ผ้า DIMOUT”
หรือถ้าคุณต้องการควบคุมแสงที่ผ่านเข้าห้อง จะติดตั้ง “ม่านโปร่ง (Sheer)” หรือลองใช้ “ม่านม้วนแบบ Sunscreen” หรือ “ม่านม้วนแบบ Transparent” ที่ให้แสงส่องผ่านได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้ค่ะ
3. ความสูง ความยาว
ต้องวัดขนาด ความกว้าง X ความสูง ของหน้าต่าง + ประตูให้ดี และเผื่อซ้ายขวาสักเล็กน้อย
4. ผ้าม่านสำเร็จรูปหรือผ้าม่านสั่งตัด
“ผ้าม่านสำเร็จรูป” มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือราคาถูกกว่าผ้าม่านแบบสั่งตัด และปัจจุบันมีดีไซน์ และเนื้อผ้าให้คุณเลือกหลากหลายมากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดคือเรื่องขนาดที่ปรับแต่งไม่ได้
แต่ถ้าคุณเลือก “ผ้าม่านแบบสั่งตัด” ได้ตามขนาดหน้าต่างหรือประตูนั้น ก็มีข้อดีมากมาย เช่น คุณสามารถปรับขนาดตามขนาดหน้าต่างหรือประตูของคุณได้ตามความต้องการ
ดีไซน์และเนื้อผ้าก็หลากหลาย มีตัวเลือกในการออกแบบที่ไม่มีที่สิ้นสุดตั้งแต่วัสดุจนถึงส่วนหัวของม่าน (ส่วนบนของม่าน) ส่วนเรื่องราคาก็อาจจะสูงกว่าแบบสำเร็จรูป
UTEX Living Square ก็มีสินค้าผ้าม่านสำเร็จรูปไว้รองรับลูกค้าที่ชอบความสะดวกและงบประมาณไม่เยอะ แต่ยังอยากได้ผ้าม่านคุณภาพดี ๆ อย่างแบรนด์ ido curtain
วิดีโอข้างล่างนี้คือ 6 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการติดตั้งราวและม่านสำเร็จรูปตาไก่ หากคุณซื้อผ้าม่านสำเร็จรูป ido curtain ค่ะ
Leave a comment